
มา ดูที่ผลงาน Jewish Museum, San Francisco กันเลยดีกว่า งานใน Style ของ Libeskind เรื่อง Function เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะพิจารณา งานของเขาสื่อความหมาย สร้างสมดุลย์ระหว่างความขัดแย้งของเรื่องราวประวัติศาสตร์ในอดีตที่ข่มขืน ทุกระทมของชาวยิว กับความสังคมและวัฒนธรรมในแต่ละที่ ๆ ชาวยิวโดนไล่ที่โดนทำร้ายและระหกระเหินไปยังที่ต่าง ๆ
อาคาร นี้เป็นส่วนปรับปรุงและอาคารเดิม ซึ่งเป็นอาคารสไตล์Colonial architecture เป็นสถานีไฟฟ้าย่อย Jessie Street สร้างมาตั้งแต่ ค.ศ. 1907 ติดกับสวนสาธารณะ Yeba Buena โดยเปลือกของอาคารเป็นงานก่ออิฐโชว์แนว ส่วนภายในเป็นอาคาร Industrial มีโครงเหล็กรูปพรรณ และ Truss สำหรับเครื่องจักรและเครื่องปั่นไฟเมื่อครั้งอดีต ส่วนต่อขยายนี้มีลักษณะเป็นทรงลูกบาศก์ออกไปทางผืนผ้าสองชิ้นเอียงและบิดตัว ยื่นออกมาจากอาคารเก่า โดยมีลักษณะที่ interlock กันอยู่โครงการนี้เป็นพื้นที่ใช้สอย 7,000 ตารางเมตรใช้สำหรับแสดงงาน ด้าน visual , performing และ media art และพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่สำหรับการศึกษา
ผิวของอาคารนี้ใช้วัสดุที่เรียกว่า Luminous blue steel panels ใช้เทคนิคพิเศษเรียกว่า Interference- coating ซึ่งทาง Daniel Libeskind Studio กล่าวว่าไม่มีวันที่สีจะตก นอกจากนี้จากวัสดุนี้พื้นผิวของอาคารจะเปลี่ยนสี ไปตามช่วงเวลาของวัน สภาพอากาศ และ มุมมองของผู้คน ทำให้เกิด Dynamic หรือ Living Surface
ผลงานชิ้นนี้ของ Libeskind เป็นการผสมผสานกันระหว่างสิ่งที่ขัดแย้งกันโดยเปลือกนอกและรุปร่าง ระหว่าง ผิวของอาคารเดิมซึ่งเป็นอิฐมาอยู่เคียงกันกับวัสดุสุดทันสมัยอย่าง Luminous steel panel หรือ ระหว่างอาคารร่วมสมัยกับอาคารยุคปลายศตวรรษที่ 19 ระหว่าง ประเพณีกับความคิดสร้างสรรค์ เพื่อที่จะสะท้อนจุดประสงค์ของสถาบัน jewish เพื่อที่จะส่งเสริม วัฒนธรรมยิว ประวัติศาสตร์ ศิลปะ แนวความคิดของชาวยิวใหดำรงอยู่ในบริบทของศตวรรษที่ 21 นี้
อ้างอิงจาก
So you want to be an architect
อยากเห็นของจริงง่ะ..
ตอบลบ